เกร็ดน่าสนใจ!

เกร็ดน่าสนใจ! ออล-อิงแลนด์ ไฟนัล “แมนซิตี้ vs. เชลซี” นัดชิงชปล. 

เกร็ดน่าสนใจ! ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2020-21 เป็นการพบกันของสองทีมจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่างแชมป์พรีเมียร์ลีกล่าสุดอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ เชลซี โดยคู่นี้เดิมที ยูฟ่า วางโปรแกรมสังเวียนชิงดำไว้ที่ อิสตันบูล ประเทศตุรกี แต่ด้วยเป็นพื้นที่สีแดงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องย้ายสนามแข่งขันก่อนจะมีมติไปเล่นที่ เอสตาดิโอ โด ดราเกา ของสโมสรปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกสแทน โดยแข่งขัน เวลา 02.00 น. ช่อง uefa.tv ถ่ายทอดสดให้ดูกันทางออนไลน์

เกร็ดน่าสนใจ!

 แต่ก่อนจะระเบิดศึกบิ๊กแมตช์ “ออล-อิงแลนด์ ไฟนัล” เราไปดูเกร็ดน่าสนใจของคู่ชิงชนะเลิศกัน

เกร็ดน่าสนใจนัดชิงชนะเลิศ

– แมนฯ ซิตี้ เข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกสุด ส่วน เชลซี จะลงเล่นเกมชิงเจ้ายุโรปเป็นหนที่ 3 ในประวัติศาสตร์

– นี่คืดนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ออล-อิงแลนด์ ไฟนัล เกมที่ 3 ถัดจาก เชลซี แพ้จุดโทษ แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 2008 และ ลิเวอร์พูล ชนะ สเปอร์ส สองปีที่แล้ว

– นี่คือนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 8 ที่สโมสรจากชาติเดียวกันเจอกันกัน คือ เรอัล มาดริด ชนะ บาเลนเซีย ปี 2000, เรอัล มาดริด ชนะ แอต.มาดริด ปี 2014 กับ 2016, เอซี มิลาน ชนะจุดโทษ ยูเวนตุส  ปี 2003, บาเยิร์น ชนะ ดอร์ทมุนด์ ปี 2013 ส่วนอีก 3 ครั้งคือทีมอังกฤษเจอกันเอง

– แมนฯ ซิตี้ เป็นสโมสรอังกฤษทีมที่ 9 ที่เข้าชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสถิติสูงสุด รองมาเป็น อิตาลี กับเยอรมัน ชาติละ 6 ทีม

– แมนฯ ซิตี้ เคยบุกมาเสมอ เอฟซี ปอร์โต้ 0-0 ที่เอสตาดิโอ โด ดราเกา สังเวียนนัดชิงชนะเลิศปีนี้ ในรอบแบ่งกลุ่มซึ่งเป็นเกมเดียวที่พวกเขาไม่ชนะในถ้วยใหญ่ยุโรปซีซั่นนี้
– เชลซี บุกมาชนะที่เอสตาดิโอ โด ดราเกา หนเดียวจากทั้งหมด 4 นัด

– ทั้ง แมนฯ ซิตี้ และเชลซี เคยแค่ทีมละ 4 ประตูตลอดเส้นทางถึงนัดชิงชนะเลิศซีซั่นนี้ เป็นสถิติเสียประตูน้อยสุดนับตั้งแต่ บาร์เซโลน่า (4) เฉือนชนะ อาร์เซน่อล (2) เมื่อปี 2006

– แมนฯ ซิตี้ และเชลซี ไม่เคยเสียประตูมากกว่านัดละ 1 ลูกเลยในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้

สถิติพบกันที่ผ่านมา

– ทั้งสองทีมเจอกันในเวทียุโรปหนเดียวในรอบรองชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ส คัพ ซีซั่น 1970-71 โดย เชลซี เฉือนเข้าป้าย 1-0 ทั้งสองทีม เกมแรก เดเร็ค สเมตเฮิร์สต์ ซัดประตูโทนนาที 46 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ และรอน ฮีลี่ ทำเข้าประตูตัวเองนาที 43 ที่เมน โร้ด ก่อน สิงห์บลูส์ ผ่านเข้าไปชนะ เรอัล มาดริด ในนัดรีเพลย์

“สิงห์บลูส์” ปราบราชันชุดขาวในรอบชิงคว้าแชมป์ในฤดูกาล 1970-71 ได้สำเร็จ

– นี่คือการเจอกันหนที่ 4 ในฤดูกาลนี้ของทั้งสองทีม โดย เรือใบสีฟ้า บุกชนะ 3-1 ในเกมลีก 3 มกราคม แต่แพ้ใน 2 เกมล่าสุดคือ 0-1 รอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ 17 เมษายน และบุกย้ำชัยถึง เอติฮัด 2-1 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา

– ผลงานพบกันทั้งหมด เชลซี ชนะ 68 แมนฯ ซิตี้ ชนะ 58 เสมอกัน 40 นัด

– คู่นี้เจอกันในนัดชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ ฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเสมอกัน 0-0 ในเวลา 120 นาที ก่อนเรือใบสีฟ้า ดวลเป้าชนะ 4-3 หลังมีเพียง ลีรอย ซาเน่ ยิงติดเซฟ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า นอกนั้น อิลคาย กุนโดกัน, เซร์คิโอ อเกวโร่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และราฮีม สเตอร์ลิง ยิงเข้าทั้งหมด ส่วนฝั่งเชลซี จอร์จินโญ่ ยิงติดเซฟ เอแดร์ซอน และดาวิด ลุยซ์ ดันซัดชนเสา มีแค่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, เอแมร์ซอน และเอแด็น อาซาร์ ที่ยิงเข้า

– คู่นี้เจอกันในนัดชิงบอลถ้วยอีกหนเดียวคือครั้งแรกสุดรายการ “ฟูลล์ เมมเบอร์ส คัพ” รายการที่คัดเฉพาะสโมสรใน 2 ลีกสูงสุดประเทศลงชิงชัยในฤดูกาล 1985-86 โดย สิงห์บลูส์ เฉือนชนะ 5-4 จากแฮตทริกของ เดวิด สปีดี้ และโคลิน ลี บวกอีก 2 ประตูที่เหลือ

– ก่อนมาคุม เชลซี โธมัส ทูเคิ่ล ไม่เคยเอาชนะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สมัยคุมไมนซ์ กับดอร์ทมุนด์ (เสมอ 2 แพ้ 3) ยิงได้ 2 เสีย 11 ทว่าคว้าชัยตลอด 2 เกมล่าสุดที่พบกัน

 

 

 

  • ติดตามทุกข่าวสารของวงการกีฬาที่นี่  :  ufabetgear.com
  • ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก : www.siamsport.co.th